สรุปเนื้อหา: การจัดการสวนไม้ผลในสภาพอากาศที่แปรปรวน
สไลด์นำเสนอเน้นการจัดการสวนไม้ผลโดยอาศัยหลักสรีรวิทยาของพืช เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยเน้นที่ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาผลผลิตของไม้ผล:
1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของไม้ผล:
- พันธุกรรม: พันธุ์ไม้ผลแต่ละชนิดมีลักษณะทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต, การออกดอก, การติดผล, และคุณภาพของผลผลิต การเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ
- สภาพแวดล้อม: ปัจจัยสภาพแวดล้อมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของไม้ผล ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่:
- แสง: ความเข้มแสง (Light Intensity) มีผลต่อการสังเคราะห์แสงโดยตรง พืชต้องการแสงในปริมาณที่แตกต่างกัน ความยาวคลื่นแสง (Light Spectrum) ก็มีผลต่อกระบวนการต่างๆ ความยาวนานของแสง (Photoperiod) มีผลต่อการออกดอก
- อุณหภูมิ: พืชแต่ละชนิดมีช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต อุณหภูมิมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์, การหายใจ, และการสังเคราะห์แสง
- น้ำและความชื้น: น้ำมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์แสง, การลำเลียงธาตุอาหาร, และการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นในดินและอากาศมีผลต่อการคายน้ำของพืช
- ดินและธาตุอาหาร: คุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของดินมีผลต่อการเจริญเติบโตของรากและการดูดซึมธาตุอาหาร ดินต้องมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
- แรงลม: ลมมีผลต่อการคายน้ำของพืช ลมแรงอาจทำให้พืชเสียน้ำมากเกินไป แต่ลมที่เบาจะช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนก๊าซ
- ปัจจัยด้านตลาด: การพิจารณาความต้องการของตลาดและข้อได้เปรียบทางการแข่งขันมีความสำคัญในการเลือกชนิดและพันธุ์ไม้ผลที่จะปลูก
2. ปัจจัยที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช:
- น้ำหรือความชื้น: เป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์แสง ช่วยละลายแร่ธาตุ ช่วยลำเลียงสารอาหาร ปรับอุณหภูมิ และจำเป็นต่อกระบวนการต่างๆ
- อากาศและอุณหภูมิ: พืชมีการหายใจตลอดเวลาโดยใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคายแก๊สออกซิเจน อุณหภูมิมีผลต่อกระบวนการต่างๆ
- แสงแดด: สำคัญต่อการเจริญเติบโตและการสังเคราะห์แสง ช่วยกระตุ้นการเจริญของปลายยอดและปลายราก
- ดิน: เป็นแหล่งอาหารของพืช มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ปริมาณแร่ธาตุอาหารในดินมาจากซากพืชซากสัตว์
3. คุณสมบัติทางชีวภาพของดินที่มีต่อการเจริญเติบโตของพืช:
- ดินที่อุดมสมบูรณ์ (Regenerative Soil) มีแบคทีเรีย, รา, และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ช่วยในการตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาเป็นสารประกอบในดินที่เป็นประโยชน์ต่อพืช
- การตรึงไนโตรเจน (Nitrogen Fixation) เป็นกระบวนการที่แบคทีเรียตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาเป็นสารประกอบในดิน
- ระบบเกษตรกรรมฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เป็นแนวทางการทำเกษตรที่เน้นการเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ของดินและฐานชีวภาพ ลดการใช้สารเคมี และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ
4. แนวทางการแก้ปัญหา:
- การผสมผสานการเกษตรดั้งเดิมกับนวัตกรรม เช่น การใช้โรงเรือน (Greenhouse) และเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมในการปลูกพืช
- การจัดการโดยใช้ข้อมูลสภาพอากาศ (Climate Smart Agriculture): การเก็บข้อมูลสภาพอากาศและนำมาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการสวนไม้ผล
5. การจัดการสวนไม้ผลในสภาพอากาศที่แปรปรวน:
- ต้องอาศัยการตอบสนองของพืชต่อปัจจัยสภาพแวดล้อมต่างๆ (แสง, อุณหภูมิ, น้ำ, ดิน)
- ต้องมีข้อมูลทางสรีรวิทยาพื้นฐานของพืชแต่ละชนิด เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของพืชและสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม
กรณีศึกษา: ทุเรียน
- ระยะปลูก:
- ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 8×8, 6×10, หรือ 8×10 เมตร
- การเลือกระยะปลูกที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการปรับตามสภาพพื้นที่จริง
- ในพื้นที่ 9,048 ตารางเมตร จะมีจำนวนต้นทุเรียนประมาณ 130-135 ต้น
- การจัดการน้ำ:
- ทุเรียน 1 ต้นต้องการน้ำประมาณ 300 ลิตรต่อวัน
- ดังนั้น ทุเรียน 150 ต้น จะต้องการน้ำรวม 45,000 ลิตรต่อวัน
- ใน 1 ปี จะต้องมีแหล่งน้ำประมาณ 16,425 คิวบิกเมตร
- ควรเตรียมแหล่งน้ำให้มากกว่า 17,000 คิวบิกเมตรต่อปี
- การตัดแต่งกิ่ง:
- ปีที่ 1-2 ไม่ควรมีการตัดแต่งกิ่ง
- ปีที่ 3 เริ่มตัดแต่งกิ่งแห้ง, กิ่งแขนง, และกิ่งกระโดงในทรงพุ่ม
- ควรกำหนดให้กิ่งล่างสุดอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 80-100 เซนติเมตร
- การใส่ปุ๋ย:
- ปีที่ 1 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 150-200 กรัมต่อต้น
- ปีต่อๆ ไป ใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง คือ ต้นฤดูฝน และปลายฤดูฝน
- ต้นฤดูฝน: ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 0.5-3 กิโลกรัมต่อต้น
- ปลายฤดูฝน: ใส่ปุ๋ยคอก 15-50 กิโลกรัมต่อต้น
- การตอบสนองต่อแสง:
- ใบที่ได้รับแสงเต็มที่มีอัตราการสังเคราะห์แสงสูงกว่าใบที่อยู่ในร่มเงา
- ความเข้มแสงที่เหมาะสมต่อการสังเคราะห์แสงของทุเรียนขึ้นอยู่กับตำแหน่งของใบ (ใบอ่อน, ใบแก่) และทิศทาง (ตะวันออก, ตะวันตก)
- การพัฒนาของดอก:
- ใช้เวลาประมาณ 60 วัน ตั้งแต่ระยะไข่ปลาจนถึงระยะดอกบาน
- ก่อนดอกบาน 1 สัปดาห์ ดอกจะเริ่มส่งกลิ่นหอม ต้องควบคุมน้ำเพื่อให้ดอกไม่บานเร็วเกินไป
- การผสมเกสร:
- ดอกทุเรียนจะบานในช่วง 18.00-22.00 น.
- การผสมเกสรด้วยมือช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีรูปทรงที่ดีกว่าการผสมเกสรตามธรรมชาติ
- การติดผล:
- หลังผสมเกสร ใช้เวลา 3-4 เดือน (90-120 วัน) ขึ้นกับสายพันธุ์
- การตัดแต่งผลที่มีรูปทรงบิดเบี้ยวและก้นจีบช่วยให้ผลที่เหลือมีคุณภาพดีขึ้น
- การให้น้ำ:
- ระยะหางแย้: 100 ลิตร/ต้น/วัน
- ระยะเท่าหัวแม่มือ: 300 ลิตร/ต้น/วัน
- ระยะไข่ไก่: 200 ลิตร/ต้น/วัน
- ระยะเริ่มสุกแก่: 150 ลิตร/ต้น/วัน
- การใส่ปุ๋ย:
- ระยะเท่าหัวแม่มือ: 8-24-24 อัตรา 1.0 กิโลกรัม/ต้น
- ระยะไข่ไก่: 12-12-24 และ 15-15-15 อัตรา 1.5+0.5 กิโลกรัม/ต้น
- ระยะกระป๋องนม: 12-11-18 อัตรา 1.5-2.0 กิโลกรัม/ต้น
- ระยะขยายพู: 12-3-36 อัตรา 1.5-2.0 กิโลกรัม/ต้น
- ระยะเริ่มสุกแก่: 12-3-36 หรือ 15-15-15 อัตรา 1.5-2.0 กิโลกรัม/ต้น
- วิกฤตที่ต้องระวัง: ช่วงที่ทุเรียนแตกใบอ่อน (ใบใหม่) เพราะจะแย่งอาหารผล
กรณีศึกษา: มังคุด
- การปลูก:
- ใช้ระบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส, สามเหลี่ยมด้านเท่า, หรือแถวกว้างต้นชิด
- การตัดแต่งทรงพุ่ม:
- ตัดแต่งกิ่งด้านข้างเพื่อให้แสงส่องผ่านได้
- การจัดการแสง:
- ความเข้มแสงที่เหมาะสมสำหรับใบมังคุดคือ 200-300 PPFD
- เรื่องยางไหลและมังคุดเนื้อแก้ว:
- ยางไหลเกิดจากความไม่สมดุลของน้ำในต้น
- การจัดการน้ำอย่างเหมาะสมจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้
กรณีศึกษา: มะยงชิด
- สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม:
- อุณหภูมิ: กลางคืน 22-23 องศาเซลเซียส, กลางวันไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส
- การจัดการน้ำ:
- ช่วงพฤศจิกายน-มีนาคม มะยงชิดต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของผล
- ควรถ่ายเทอากาศเมื่อปลูกในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศชื้น
- การจัดการแสง:
- การให้แสงเพิ่มเติมด้วยหลอดไฟ LED สามารถกระตุ้นการออกดอกได้
- หลอดไฟ LED 4 สี: สีแดง, สีน้ำเงิน, สีขาว, และวอร์มไวท์ (2 หลอดต่อต้น)
- เปิดไฟ 19:00-5:00 น. เป็นเวลา 20 วัน
- สารควบคุมการเจริญเติบโต:
- สารควบคุมการเจริญเติบโตและการใช้ EBR ช่วยกระตุ้นให้มะยงชิดติดผลง่ายขึ้น